10 • ก.ย. • 2568

คลังสินค้าปลอดอากรคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ

  • คลังสินค้าปลอดอากรคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ

ในโลกการค้าระหว่างประเทศที่การแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงเร็ว “คลังสินค้าปลอดอากร” (Free Zone) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุน ลดภาระภาษี และบริหารจัดการซัพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คลังสินค้าปลอดอากรคืออะไร แตกต่างจากคลังสินค้าทั่วไปอย่างไร และทำไมธุรกิจของคุณควรใช้คลังสินค้าปลอดอากร? มาค้นหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้


คลังสินค้าปลอดอากรคืออะไร (Free Zone)

คลังสินค้าปลอดอากร คือ พื้นที่เฉพาะที่ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้ใช้สำหรับการดำเนินกิจกรรมทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือกิจการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาเก็บรักษาในพื้นที่ดังกล่าวได้โดยยังไม่ต้องชำระภาษีอากร ณ เวลาที่นำเข้า พื้นที่คลังสินค้าปลอดอากรจึงเหมาะสำหรับการเก็บรักษา แปรรูป แบ่งบรรจุ หรือเตรียมสินค้าเพื่อการส่งออก โดยหากมีการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร จะได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาออก แต่ในกรณีที่มีการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ จะต้องดำเนินการชำระภาษีนำเข้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย 


 

ความแตกต่างระหว่างคลังสินค้าปลอดอากรกับคลังสินค้าทั่วไป

แม้คลังสินค้าปลอดอากรและคลังสินค้าทั่วไปจะมีจุดประสงค์พื้นฐานเหมือนกันคือใช้ในการจัดเก็บสินค้า แต่คลังสินค้าทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอยู่บ้างในด้านกฎหมายและข้อกำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของภาษีและการควบคุมจากหน่วยงานรัฐ โดยคลังสินค้าทั่วไปจะต้องชำระภาษีนำเข้าสินค้าโดยทันทีเมื่อนำเข้ามาในประเทศ ขณะที่คลังสินค้าปลอดอากรจะได้รับการผ่อนผันหรือยกเว้นภาษีอากร จนกว่าจะมีการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรเข้าสู่การบริโภคภายในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเลื่อนการชำระภาษี ช่วยลดภาระทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ คลังสินค้าทั่วไปมักจะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดจากกรมศุลกากร แตกต่างจากคลังสินค้าปลอดอากรที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนพิธีการศุลกากรอย่างชัดเจน มีการตรวจสอบทุกขั้นตอนการนำเข้าและนำออกอย่างใกล้ชิด สำหรับด้านการดำเนินกิจกรรมเพิ่มเติม คลังสินค้าทั่วไปสามารถจัดการสินค้าเพียงเพื่อการจัดเก็บหรือกระจายสินค้าเท่านั้น ขณะที่คลังสินค้าปลอดอากรบางประเภทสามารถดำเนินการแปรรูป บรรจุหีบห่อ หรือประกอบสินค้าภายในพื้นที่ได้ หากได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ด้วยข้อได้เปรียบเหล่านี้ คลังสินค้าปลอดอากรจึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการนำเข้าสินค้าเพื่อส่งออกต่อ หรือผู้ที่ต้องการบริหารต้นทุนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโลจิสติส์ การผลิตระหว่างประเทศ หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการจัดส่งสินค้าไปยังหลายประเทศ ในขณะที่คลังสินค้าทั่วไปจะเหมาะกับธุรกิจในประเทศที่ต้องการพื้นที่เก็บสินค้าแบบมาตรฐานโดยไม่เกี่ยวข้องกับพิธีการศุลกากรเป็นพิเศษ 

 

วัตถุประสงค์ของคลังสินค้าปลอดอากร

คลังสินค้าปลอดอากรไม่ใช่แค่พื้นที่จัดเก็บสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เสริมศักยภาพการส่งออก และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกได้อย่างคล่องตัว 

    • ช่วยลดต้นทุนภาษีศุลกากร คลังสินค้าปลอดอากรถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนระบบโลจิสติส์ละการค้าระหว่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อ ช่วยลดต้นทุนภาษีศุลกากรให้กับผู้ประกอบการ กล่าวคือ เมื่อมีการนำเข้าสินค้าเข้ามายังราชอาณาจักร ผู้ประกอบการสามารถจัดเก็บสินค้าไว้ในคลังสินค้าปลอดอากรโดยยังไม่ต้องชำระภาษีอากรทันที ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับธุรกิจ และสามารถวางแผนการชำระภาษีให้เหมาะสมกับช่วงเวลาการจำหน่ายหรือส่งออกได้ 
    • สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ คลังสินค้าปลอดอากรยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรณีที่ธุรกิจมีการนำเข้าสินค้าเพื่อนำไปประกอบ แปรรูป หรือจัดจำหน่ายต่อไปยังต่างประเทศ ซึ่งในกรณีนี้ สินค้าที่ไม่ถูกนำเข้ามาบริโภคภายในประเทศก็จะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ถือเป็นการลดภาระต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก 
    • เพิ่มความยืดหยุ่นในการนำเข้า/ส่งออก คลังสินค้าปลอดอากรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเก็บสินค้านำเข้าไว้ได้ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อรอช่วงเวลาที่เหมาะสมในการจำหน่าย หรือรอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศก่อนจะตัดสินใจนำเข้าสู่ตลาดภายในหรือนำออกไปยังประเทศปลายทาง ซึ่งถือเป็นการบริหารความเสี่ยงและวางแผนโลจิสติส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ประเภทของคลังสินค้าปลอดอากรมีอะไรบ้าง

คลังสินค้าปลอดอากรสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามวัตถุประสงค์การใช้งานและลักษณะการดำเนินกิจกรรมของผู้ประกอบการ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 

  • คลังสินค้าปลอดอากรประเภททั่วไป

เป็นคลังสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สำหรับจัดเก็บสินค้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่สามารถดำเนินกิจกรรมใด ๆ เพิ่มเติมกับตัวสินค้า เช่น การแปรรูป ประกอบ หรือบรรจุหีบห่อ สินค้าที่เก็บไว้ในคลังประเภทนี้ยังไม่ต้องชำระภาษีอากรตราบใดที่ยังไม่ถูกนำออกจากคลังเพื่อเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ เหมาะสำหรับธุรกิจที่นำเข้าสินค้าจำนวนมากเพื่อรอการจำหน่ายในเวลาที่เหมาะสม หรือเพื่อส่งออกต่อไปยังต่างประเทศ 

  • คลังสินค้าปลอดอากรเฉพาะกิจ

คลังประเภทนี้นอกจากจะสามารถจัดเก็บสินค้าได้แล้ว ยังได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมเฉพาะบางอย่างเพิ่มเติมได้ เช่น การประกอบสินค้า การแปรรูป การคัดแยก หรือการบรรจุหีบห่อ ภายใต้การควบคุมของกรมศุลกากรอย่างเข้มงวด คลังสินค้าประเภทนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า หรือปรับสภาพสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดปลายทางก่อนการจัดจำหน่ายหรือส่งออก 

  • เขตปลอดอากร

ถือเป็นพื้นที่พิเศษที่มีลักษณะคล้ายกับนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งรัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ ภายในเขตปลอดอากร ผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจกรรมทางอุตสาหกรรม การค้า และการให้บริการได้อย่างหลากหลาย เช่น การผลิต แปรรูป จัดเก็บ ประกอบ และส่งออกสินค้า โดยได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและการอำนวยความสะดวกจากรัฐอย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีการดำเนินงานครบวงจรในระดับอุตสาหกรรม 

 

สิทธิประโยชน์ในคลังสินค้าปลอดอากรที่คุณควรรู้

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่หลายธุรกิจเลือกใช้คลังสินค้าปลอดอากร คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีและข้อยกเว้นทางกฎหมายที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัว และเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก โดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้รับการกำหนดและอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกรมศุลกากร ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญที่ผู้ประกอบการควรทราบดังนี้ 

  • ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า

สินค้าที่นำเข้ามาเก็บในคลังสินค้าปลอดอากรจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระภาษีอากร ณ เวลานำเข้า จนกว่าจะมีการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ 

  • ได้รับยกเว้นอากรขาออก

สินค้าที่ส่งออกจากคลังสินค้าปลอดอากรไปยังต่างประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรขาออก ช่วยลดต้นทุนในการส่งออกสินค้า 

  • ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้ของใดได้รับยกเว้นหรือคืนอากรเมื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร

สินค้าที่มีสิทธิคืนอากรตามกฎหมาย เช่น วัตถุดิบหรือสินค้าส่งออก สามารถเก็บไว้ในคลังสินค้าปลอดอากรเพื่อใช้สิทธิดังกล่าวอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ 

  • ได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักร 

สินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าปลอดอากรจะไม่ถูกควบคุมโดยกฎหมายบางส่วนที่เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า เช่น การขออนุญาตหรือการตรวจสอบบางกรณี ช่วยลดขั้นตอนและภาระทางเอกสารในช่วงเวลาที่เก็บรักษา 

 

พิธีการศุลกากรของคลังสินค้าปลอดอากรมีความสำคัญอย่างไรบ้าง

พิธีการศุลกากรถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการคลังสินค้าปลอดอากร เพราะเป็นขั้นตอนที่ช่วยควบคุมความถูกต้องและโปร่งใสของการนำเข้าสินค้าและการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรอย่างเป็นระบบ 

    • การนำของเข้าเก็บในเขตปลอดอากร ก่อนที่สินค้าจะถูกนำเข้าไปเก็บในคลังสินค้าปลอดอากร ผู้ประกอบการต้องยื่นใบขนสินค้าต่อกรมศุลกากรพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบแจ้งนำเข้าและรายการสินค้าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและอนุญาต  
    • การนำของออกจากเขตปลอดอากร เมื่อสินค้าต้องการจะนำออกจากคลังปลอดอากรเพื่อจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ ผู้ประกอบการต้องแจ้งกรมศุลกากรและปฏิบัติตามขั้นตอนพิธีการศุลกากรที่กำหนดไว้ เช่น ชำระภาษีอากรหากนำเข้าสู่ตลาดในประเทศ หรือผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสำหรับการส่งออก ซึ่งช่วยให้กรมศุลกากรสามารถควบคุมการไหลของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
    • ระยะเวลาการเก็บของในเขตปลอดอากร กฎหมายกำหนดให้สินค้าสามารถเก็บไว้ในคลังปลอดอากรได้ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปจะไม่เกิน 2 ปี หากต้องการเก็บเกินเวลานี้ ผู้ประกอบการต้องขออนุญาตและต่ออายุจากกรมศุลกากรอีกครั้ง เพื่อป้องกันการเก็บสินค้าเกินความจำเป็นหรือการใช้พื้นที่ในทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการกำหนดระยะเวลาช่วยให้การบริหารคลังเป็นไปอย่างมีระบบและสอดคล้องกับนโยบายการค้า 

 

ข้อดีของการใช้คลังสินค้าปลอดอากร

การใช้คลังสินค้าปลอดอากรเป็นทางเลือกที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารต้นทุนและการจัดการสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อดีสำคัญมีดังนี้ 

    • เลื่อนการชำระภาษีอากร หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของคลังสินค้าปลอดอากรคือความสามารถในการเลื่อนการชำระภาษีนำเข้า ผู้ประกอบการสามารถเก็บสินค้าไว้ในคลังโดยยังไม่ต้องเสียภาษีอากรจนกว่าจะมีการนำสินค้าออกสู่ตลาดภายในประเทศ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น และสามารถวางแผนบริหารต้นทุนได้อย่างเหมาะสม 
    • ลดความเสี่ยงจากการสต็อกสินค้า การเก็บสินค้าในคลังปลอดอากรช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารสต็อกสินค้าได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องรีบเร่งนำสินค้าเข้าสู่ตลาดภายในประเทศทันที ส่งผลให้ลดความเสี่ยงจากการมีสินค้าค้างสต็อกเกินความจำเป็น หรือสินค้าที่อาจล้าสมัย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและตรงเวลา 
    • รองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ ในยุคดิจิทัลและการค้าขายออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คลังสินค้าปลอดอากรเป็นโซลูชันสำคัญที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ เนื่องจากสามารถจัดเก็บสินค้าจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย และมีความยืดหยุ่นในการจัดส่งไปยังตลาดต่างประเทศหรือภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินงาน 

 

ตัวอย่างการใช้งานจริงของคลังสินค้าปลอดอากร

คลังสินค้าปลอดอากรไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่จัดเก็บสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสินค้านำเข้าและส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการใช้งานในหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ 

    • กรณีธุรกิจนำเข้าวัตถุดิบ ธุรกิจที่นำเข้าวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าสามารถใช้คลังสินค้าปลอดอากรเป็นพื้นที่เก็บรักษาวัตถุดิบเหล่านี้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าทันที ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมต้นทุนและวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจัดการสต็อกวัตถุดิบได้อย่างยืดหยุ่น รอจนกว่าตลาดหรือคำสั่งซื้อจะพร้อม ก่อนนำวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต
    • ธุรกิจส่งออกสินค้าผ่านประเทศที่สาม กรณีที่ธุรกิจต้องการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่สามหรือประเทศที่ไม่ใช่ตลาดปลายทางสุดท้าย คลังสินค้าปลอดอากรช่วยให้สามารถนำสินค้าเข้ามาเก็บไว้ระหว่างรอการจัดส่งโดยไม่ต้องเสียภาษีอากรขาเข้า การใช้คลังสินค้าปลอดอากรในลักษณะนี้ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของขั้นตอนศุลกากร รวมถึงช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการกระจายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศหลายแห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ข้อควรระวังและข้อจำกัด

แม้คลังสินค้าปลอดอากรจะมอบสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับผู้ประกอบการ แต่ก็ยังมีข้อควรระวังและข้อจำกัดที่ต้องให้ความสำคัญเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีปัญหาในภายหลัง 

    • ข้อกำหนดของกรมศุลกากร การใช้คลังสินค้าปลอดอากรจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบของกรมศุลกากรอย่างเคร่งครัด เช่น การยื่นเอกสารประกอบพิธีการศุลกากรครบถ้วน การรายงานปริมาณสินค้า และการตรวจสอบตามรอบเวลาที่กำหนด หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ อาจถูกปรับหรือเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความน่าเชื่อถือในตลาด
    • การควบคุมสินค้าต้องห้าม คลังสินค้าปลอดอากรมีข้อจำกัดในการจัดเก็บสินค้าบางประเภทที่ถือเป็นสินค้าต้องห้ามตามกฎหมาย การนำสินค้าดังกล่าวเข้าสู่คลังปลอดอากรถือว่าผิดกฎหมายและมีโทษทางอาญาอย่างรุนแรง ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องตรวจสอบและควบคุมสินค้าอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันความผิดพลาดและปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น 

 

บริการให้เช่าคลังสินค้าปลอดอากร (Free Zone) จาก SGL THAILAND เพื่อธุรกิจทุกประเภท

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจในตลาดโลกเข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว การเลือกเช่าคลังสินค้าปลอดอากรที่มีคุณภาพและได้รับการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวในการนำเข้า ส่งออก และบริหารจัดการสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 

SGL THAILAND ขอเสนอบริการให้เช่าคลังสินค้าปลอดอากร (Free Zone) ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจ ด้วยระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่ทันสมัย มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และได้รับการอนุญาตจากกรมศุลกากรอย่างถูกต้อง มั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นจะได้รับการดูแลอย่างดี และทุกขั้นตอนพิธีการศุลกากรจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและโปร่งใส ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ทั่วประเทศ ครอบคลุมความต้องการของธุรกิจทั้งในเมืองหลวงและพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เรามีพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เหมาะสมกับลักษณะสินค้าและกระบวนการของลูกค้าแต่ละราย ได้แก่ 

    • คลังสินค้าปลอดอากร แหลมฉบัง ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้การขนส่งและจัดการสินค้ามีความสะดวกและรวดเร็ว พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย และการบริหารคลังสินค้าที่ทันสมัย 
    • คลังสินค้าปลอดอากร นวนคร ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการคมนาคม และมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดเก็บสินค้าหลากหลายประเภท พร้อมบริการเสริม เช่น การบรรจุสินค้า และระบบจัดการแบบครบวงจร 

บริการของ SGL THAILAND ยังเหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิต ธุรกิจส่งออกสินค้า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บสินค้าคุณภาพสูงพร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการเลื่อนชำระภาษีอากรที่ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ 

นอกจากนี้ SGL THAILAND ยังมุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านพิธีการศุลกากร การจัดการคลังสินค้า การติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์เพื่อให้คุณโฟกัสกับธุรกิจหลักได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระบบคลังสินค้า เราพร้อมช่วยผู้ประกอบการเปลี่ยนต้นทุนให้เป็นศักยภาพทางธุรกิจด้วยคลังสินค้าปลอดอากรจาก SGL THAILAND